ติดเครดิตบูโรคืออะไร? เช็กง่าย แก้ได้ วางแผนดีไม่ต้องกลัวติดบูโร
- Wealth-being by noburo

- 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
เครดิตบูโรไม่ใช่แบล็กลิสต์ แต่คือประวัติการชำระหนี้ของเรา
การ “ติดบูโร” ส่วนใหญ่หมายถึงมีประวัติชำระล่าช้าต่อเนื่องจนเสี่ยงถูกปฏิเสธสินเชื่อ
เช็กเครดิตบูโรได้ง่าย ๆ ผ่านแอปหรือจุดบริการใกล้บ้าน
แก้สถานะได้ด้วยการปิดหนี้ ค้างชำระให้น้อยที่สุด และวางแผนการเงินใหม่
การมีวินัยทางการเงินช่วยให้คะแนนเครดิตดีขึ้น และเข้าถึงสวัสดิการหรือสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

หลายคนกังวลว่าตัวเอง “ติดเครดิตบูโรหรือยัง” เพราะกลัวว่าจะขอสินเชื่อบ้าน รถ หรือสินเชื่อส่วนบุคคลไม่ผ่าน ความจริงแล้ว เครดิตบูโรคือศูนย์ข้อมูลประวัติหนี้ ไม่ใช่แบล็กลิสต์อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด
บทความนี้จะพาไปเข้าใจว่า เครดิตบูโรคืออะไร, แบบไหนที่เรียกว่าเสี่ยง, วิธีเช็ก, วิธีแก้ และการวางแผนเพื่อไม่ให้สถานะเครดิตของเราเป็นปัญหาในอนาคต
เครดิตบูโร คืออะไร
เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือศูนย์ข้อมูลประวัติการชำระหนี้ของคนไทย ทุกครั้งที่กู้เงิน สมัครบัตรเครดิต หรือผ่อนชำระ ข้อมูลจะถูกส่งมาเก็บที่นี่ สถาบันการเงินใช้ข้อมูลนี้พิจารณาว่าจะอนุมัติสินเชื่อให้หรือไม่
ในประเทศไทย เครดิตบูโรดำเนินการโดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau: NCB) ซึ่งรวบรวมข้อมูลประวัติการชำระหนี้ของเรา เช่น
บัตรเครดิต
สินเชื่อบ้าน
สินเชื่อรถ
สินเชื่อส่วนบุคคล
สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ
เครดิตบูโร ไม่ใช่ผู้ปล่อยกู้ และ ไม่ใช่คนที่มาบอกว่าเราติดแบล็กลิสต์ แต่เป็นเพียงฐานข้อมูลประวัติที่บอกว่าเรา “ชำระดีหรือไม่ดี” เท่านั้น
เครดิตบูโรมีอะไรบ้าง? ข้อมูลอะไรถูกเก็บ
เครดิตบูโรเก็บข้อมูล 5 ประเภทหลัก ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลสินเชื่อและวงเงิน ประวัติการชำระเงิน สถานะบัญชี และประวัติการขอสินเชื่อ (Inquiry ) โดยข้อมูลจะถูกเก็บย้อนหลัง 36 เดือน
รายละเอียดข้อมูลที่เครดิตบูโรจัดเก็บ:
ประเภทข้อมูล | รายละเอียด |
1. ข้อมูลส่วนบุคคล | ชื่อ-นามสกุล, เลขบัตรประชาชน, วันเกิด, ที่อยู่ปัจจุบัน |
2. ข้อมูลสินเชื่อ | ประเภทสินเชื่อ, วงเงินที่ได้รับอนุมัติ, ยอดคงเหลือ, วันที่เปิดบัญชี |
3. ประวัติการชำระ | จ่ายตรงเวลา, ล่าช้ากี่วัน, ค้างชำระกี่งวด (แสดงย้อนหลัง 36 เดือน) |
4. สถานะบัญชี | ปกติ, ปิดบัญชี, NPL (ค้างชำระเกิน 90 วัน), ปรับโครงสร้างหนี้ |
5. Inquiry | ประวัติการขอสินเชื่อ - สถาบันไหนเคยเรียกดูข้อมูลบ้าง |
ติดบูโร คืออะไร? แบบไหนถึงเรียกว่า "ติด"
มาถึงคำถามสำคัญ "ติดบูโร คืออะไร?" จริงๆ แล้วคำว่า "ติดบูโร" ไม่มีในระบบอย่างเป็นทางการ แต่ ติดบูโร คือการมีประวัติชำระหนี้ไม่ดีในระบบเครดิตบูโร ซึ่งรวมถึงสถานะเหล่านี้:
ค้างชำระเกิน 90 วัน (NPL)
ผิดนัดชำระต่อเนื่องหลายงวด
มียอดค้างชำระที่ไม่ถูกปิด
ปิดหนี้แล้วแต่เพิ่งปิดไม่นาน ทำให้ประวัติยังแสดงข้อมูลย้อนหลัง 36 เดือน
สถานการณ์เหล่านี้ทำให้ธนาคารมองว่าเรามีความเสี่ยงสูง และอาจส่งผลให้ขอสินเชื่อใหม่ไม่ผ่าน

ติดแบล็กลิสต์ VS. ติดเครดิตบูโร ต่างกันยังไง?
หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริง ๆ ต่างกันชัดเจน:
ติดเครดิตบูโร
คือมี ประวัติการชำระไม่ดี เช่น ค้างชำระ ล่าช้าหลายงวด ไม่ได้แปลว่ารับสินเชื่อไม่ได้ แต่ “มีความเสี่ยง” ที่จะถูกพิจารณาเข้มงวดขึ้น
ติดแบล็กลิสต์
คือสถานะที่ ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนดเอง ว่าลูกค้ารายนี้ความเสี่ยงสูงมาก ไม่ควรอนุมัติ เป็นนโยบายของแต่ละที่ ไม่ได้อยู่ในเครดิตบูโร เช่น ลูกหนี้ที่เป็น NPL หนัก ๆ ถูกฟ้อง ถูกยึดทรัพย์ เป็นต้น
วิธีเช็กเครดิตบูโรด้วยตัวเองง่าย ๆ
คุณสามารถเช็กสถานะเครดิตของตัวเองได้หลายวิธี:
1) เช็กผ่านแอป “เครดิตบูโร”
โหลดแอป "NCB Credit Report" จาก App Store หรือ Play Store
ยืนยันตัวตนผ่าน NDID (Digital ID)
ชำระค่ารายงาน (ประมาณ 100-150 บาท)
รอรับผลภายในไม่กี่นาที
2) เช็กที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส / บิ๊กซี / ไปรษณีย์
ยื่นบัตรประชาชน
ชำระค่ารายงาน
รอรับผลทางไปรษณีย์ภายใน 7–14 วัน
3) เช็กที่ธนาคาร / จุดบริการเครดิตบูโร
เหมาะสำหรับคนต้องการผลรวดเร็วในวันเดียว สามารถเดินทางไปที่สำนักงาน NCB หรือจุดบริการตามธนาคารที่ร่วมรายการ

สถานะเครดิตบูโร ที่ควรรู้
สถานะ | ความหมาย | ผลกระทบต่อการกู้ |
ปกติ | ชำระดี ไม่มีค้าง | กู้ได้ปกติ ✓ |
ค้างชำระ 30 วัน | เริ่มมีความเสี่ยงเล็กน้อย | อาจถูกพิจารณาเข้มงวดขึ้น |
ค้างชำระ 60 วัน | ความเสี่ยงปานกลาง | โอกาสถูกปฏิเสธสูงขึ้น |
NPL (ค้างเกิน 90 วัน) | เข้ากลุ่มผิดนัดชำระ/หนี้เสีย | มีโอกาสถูกปฏิเสธสูงมาก |
ปิดบัญชีแล้ว | ชำระครบ แต่ข้อมูลยังแสดง 36 เดือน | กู้ได้ แต่ดูประวัติย้อนหลังด้วย |
ปรับโครงสร้างหนี้ | ธนาคารช่วยจัดแผนใหม่ | ยังถือว่าเสี่ยง แต่มีทางออก |
⚠️ หมายเหตุ: สถานะ NPL (ค้างชำระเกิน 90 วัน) ไม่เพียงทำให้กู้ยากขึ้น แต่ยังเสี่ยงถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องดำเนินคดีได้ อ่านเพิ่มเติม: [เป็นหนี้เท่าไหร่ถึงโดนยึดทรัพย์]
ติดเครดิตบูโร มีวิธีแก้อย่างไร
✔ รีบปิดหนี้ที่ค้างชำระ
ยิ่งปล่อยนานยิ่งกระทบหนัก
✔ จ่ายให้ตรงเวลาในงวดต่อ ๆ ไป
ธนาคารดูนิสัยการชำระต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่งวดเดียว
✔ คุยกับเจ้าหนี้เพื่อทำแผนปรับโครงสร้างหนี้
หากยังไม่พร้อมชำระเต็ม ให้เจรจาเพื่อลดภาระรายเดือน
✔ ให้เวลาประวัติดีค่อย ๆ ฟื้นตัว
ข้อมูลแสดงย้อนหลัง 36 เดือน แต่ถ้าประวัติใหม่ดี ก็ช่วยให้คะแนนปรับดีขึ้นได้
✔ ใช้สวัสดิการหรือโครงการช่วยแก้หนี้ เช่น noburo
ช่วยวางแผนหนี้ใหม่ ทำแผนปลดหนี้ 12 ด่าน และมีสินเชื่อดอกเบี้ยเหมาะสมเพื่อปิดหนี้เดิม ลดดอก ลดภาระ
ไม่อยากติดเครดิตบูโร ควรวางแผนการเงินอย่างไร
ทำ งบรายรับ–รายจ่าย และรู้ว่าเงินไหลออกตรงไหน
กันเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3–6 เดือน
ใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย จ่ายเต็มจำนวน
ไม่สร้างหนี้ใหม่ที่เกินกำลัง
ติดตามสถานะเครดิตของตัวเองปีละครั้ง
ใช้ตัวช่วย เช่นแอปวางแผนการเงิน หรือภารกิจในแอป noburo
สรุปได้ว่า
“ติดเครดิตบูโร” ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตการเงิน แต่เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้อง จัดระเบียบหนี้ วางแผนใหม่ และปรับวินัยการเงิน
เมื่อเข้าใจแล้วว่า เครดิตบูโรคืออะไร และ เครดิตบูโร มีอะไรบ้าง คุณจะสามารถเช็กสถานะ แก้ไขประวัติ และวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับพนักงานหรือองค์กรที่ต้องการเครื่องมือวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ โปรแกรมของ noburo ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้ปลดหนี้ได้เร็วขึ้นและยั่งยืนกว่าเดิม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับติดบูโร
Q: ติดบูโรกี่ปีถึงหลุด?
ข้อมูลค้างชำระจะแสดงย้อนหลัง 36 เดือน แต่ประวัติใหม่ที่ดีช่วยให้คะแนนดีขึ้นแม้ยังไม่ครบ 3 ปี
Q: ถ้าปิดหนี้แล้ว ประวัติจะดีขึ้นไหม?
ดีขึ้นแน่นอน เพราะระบบจะอัปเดตว่า "ปิดบัญชี" และไม่มีค้างอีกต่อไป
Q: ใช้บริการปรับโครงสร้างหนี้จะถูกมองไม่ดีไหม?
ไม่ถือว่าแย่ แต่ธนาคารอาจเห็นว่าเป็นความเสี่ยงระยะสั้น ต้องมีประวัติจ่ายดีต่อเนื่อง
Q: ติดเครดิตบูโรจะกู้ซื้อบ้านได้ไหม?
ได้ หากปิดหนี้ค้างชำระ และสร้างประวัติใหม่ให้ดีประมาณ 6–12 เดือนก่อนยื่นกู้




ความคิดเห็น